น.ส.ณิชมน รอดลา เลขที่ 11 สบท63.2 เรื่อง Arduino Board
เรื่อง Arduino Board
ให้ค้นคว้าหา คุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ (specification) ของ Arduino Board
4. ESP8266 ควบคุมเปิดปิดไฟบ้าน ด้วย Relay Module 220VAC
ให้ค้นคว้าหา คุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ (specification) ของ Arduino Board
4. ESP8266 ควบคุมเปิดปิดไฟบ้าน ด้วย Relay Module 220VAC
หน่วยที่ 9 ธุรกิจดิจิทัลในอนาคต
***************************************************************
คำสั่ง ให้ค้นคว้าในหัวข้อต่อไปนี้ ให้ได้ใจความสำคัญ พร้อมยกตัวอย่างของเรื่องแต่ละหัวข้อ**ย้ำ ยกตัวอย่าง ** และระบุแหล่งที่มา โดยให้ทำงานในบล็อก ส่งlink ทางไลน์กลุ่มเหมือนเดิมครับ
----------------------------------------------------------
1. ยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่าง IoT (Internet of Thing)
ตอบ Internet of Things หรือ IOT คือ สภาพแวดล้อมอันประกอบด้วยสรรพสิ่งที่สามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันได้ผ่านโพรโทคอลการสื่อสารทั้งแบบใช้สายและไร้สาย โดยสรรพสิ่งต่าง ๆ มีวิธีการระบุตัวตนได้ รับรู้บริบทของสภาพแวดล้อมได้ และมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบและทำงานร่วมกันได้ ความสามารถในการสื่อสารของสรรพสิ่งนี้จะนำไปสู่นวัตกรรมและบริการใหม่อีกมากมาย ตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ภายในบ้านตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัย และส่งสัญญาณไปสั่งเปิด/ปิดสวิตซ์ไฟตามห้องต่าง ๆ ที่มีคนหรือไม่มีคนอยู่ อุปกรณ์วัดสัญญาณชีพของผู้ป่วย/ผู้สูงอายุและส่งข้อมูลไปยังบุคลากรทางการแพทย์ หรือส่งข้อความเรียกหน่วยกู้ชีพหรือรถฉุกเฉิน เป็นต้น
นอกจากนี้ IOT จะเปลี่ยนรูปแบบและกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า Industry 4.0 ที่จะอาศัยการเชื่อมต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องจักร มนุษย์ และข้อมูล เพื่อเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำสูง โดยที่ข้อมูลทั้งหลายที่เก็บจากเซ็นเซอร์ที่ใช้ตรวจวัดตัวอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมจะถูกนำมาวิเคราะห์ ให้ได้ผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างทันที นอกจากการข้ามขีดจำกัดเรื่องเวลาแล้ว ระบบควบคุมหรือระบบวิเคราะห์ข้อมูล อาจไม่ได้อยู่ในที่เดียวกันกับเครื่องจักร แต่สามารถควบคุมสั่งการได้โดยไร้ขีดจำกัดเรื่องสถานที่2. ยุคแห่งการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Analytics)
ตอบ ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ เร็ว หรือซับซ้อนจนยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะประมวลผลโดยใช้วิธีการแบบเดิม การเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อทำการวิเคราะห์มีมานานแล้ว แต่แนวคิดเกี่ยวกับข้อมูลขนาดใหญ่เป็นที่แพร่หลายในช่วงต้นปีค.ศ. 2000 เมื่อดั๊ก ลานีย์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมได้ให้คำจำกัดความที่เป็นที่เข้าใจกันในขณะนี้ว่า ข้อมูลขนาดใหญ่ประกอบด้วยสาม V:
Volume (ปริมาณ) : องค์กรต่างๆ รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ซึ่งรวมถึงธุรกรรมของธุรกิจ อุปกรณ์อัจฉริยะ (IoT) อุปกรณ์อุตสาหกรรม วิดีโอ โซเชียลมีเดีย และอื่นๆ ในอดีต การจัดเก็บข้อมูลถือเป็นปัญหาใหญ่ – แต่เมื่อค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนกลาง (Data Lake) และ Hadoop ลดลง ภาระนี้จึงบรรเทาลง
Velocity (ความเร็ว) : ด้วยการเติบโตของ Internet of Things ข้อมูลจะถูกส่งไปยังธุรกิจต่างๆ ด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อนและต้องได้รับการจัดการในเวลาที่เหมาะสม แท็ก RFID, เซ็นเซอร์ และสมาร์ทมิเตอร์ช่วยผลักดันความต้องการในการจัดการกับกระแสข้อมูลเหล่านี้ในแบบเรียลไทม์
Variety (ความหลากหลาย) : ข้อมูลมีในทุกรูปแบบ นับตั้งแต่ข้อมูลที่มีโครงสร้าง ตัวเลขในฐานข้อมูลแบบดั้งเดิม ไปจนถึงเอกสารข้อความ อีเมล วิดีโอ เสียง ข้อมูลหุ้น และธุรกรรมทางการเงิน
แหล่งที่มา : https://www.sas.com/th_th/insights/big-data/what-is-big-data.html
3. Edge Computing
ตอบ
Edge Computing หมายถึง การประมวลผลข้อมูลให้แสดงผลเร็วใกล้เคียงกับความเร็วของเครือข่ายมากที่สุดในข้อมูลเครือข่ายจะถูกส่งจากอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, หรือ หุ่นยนต์ในไลน์การผลิต (assembly line robots) กลับไปสู่ฐานข้อมูลกลางเพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลจากแขนกล (Robot arm)จะส่งรายงานว่ามีข้อต่อจำนวนกี่ข้อที่แขนกลได้ทำการเชื่อมในวันนั้น มีประเก็น(gaskets) จำนวนกี่แผ่นที่แขนกลได้หยิบและเคลื่อนย้ายไปบนสายพานลำเลียง ซึ่งหากจะยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวในชีวิตประจำวันนั้นต้องนึกถึงแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของคุณจะมีการถ่ายโอนข้อมูลการประมวลผลส่งกลับไปให้ผู้พัฒนาจากศูนย์ข้อมูลส่วนกลางเพื่อวิเคราะห์ร่วมกับผู้ใช้งานรายอื่นในผลิตภัณฑ์เดียวกัน
แหล่งที่มา : https://www.quickserv.co.th/knowledge-base/solutions/Edge-Computing-คือ-อะไร/
4. สัญญาณอินเทอร์เน็ต 5G
ตอบ
5G คือ เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายในเจเนอเรชั่นที่ 5 โดยจะมีศักยภาพและการทำงานที่มีประสิทธิภาพทั้งภาพและเสียงมากกว่า 4G ถึง 1,000 เท่า รวมถึงรองรับการใช้งานได้มากกว่าแค่ในสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่เป็นการใช้งานที่ครอบคลุมไปถึง IoT (Internet of Things) แต่ความสามารถของ 5G นี้ แตกต่างจาก 4G
คุณสมบัติของอินเทอร์เน็ตก็คงทิ้งเรื่องความเร็วความแรงไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่ง 5G นั้นจะมีความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลอยู่ที่ 20 Gbps ซึ่งเร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า ในความเร็ว 1 Gbps ถือว่าได้ใจไปเลยสำหรับคอหนัง คอเกม และผู้ที่ต้องการอัปโหลด ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือแทบจะครอบคลุมทุกการใช้งาน ยกตัวอย่างเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพในเรื่องความเร็วสูง เพื่อประมวลผลของข้อมูล เนื่องจากต้องส่งผ่านข้อมูลที่มีความซับซ้อนและมีข้อมูลเป็นจำนวนมากในการประมวลผลโดยการใช้อินเทอร์เน็ตร่วมด้วย และ 5G ก็นับได้ว่ามีความเร็วและแรงตอบโจทย์กับนักพัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR ได้อย่างไม่ติดขัด
แหล่งที่มา : https://www.tot.co.th/blogs/ดิจิทัลทิปส์/now-trending/ดิจิทัลทิปส์/2019/09/20/5g-จะเข้าไทยเมื่อไหร่นะ-แล้วต่างกับ-4g-อย่างไร
5. Blockchain สกุลเงินดิจิทัล
ตอบ
สกุลเงินดิจิตอล คือสกุลเงินเสมือนจริงที่จะใช้การเข้ารหัส เพื่อทำให้มีความปลอดภัยที่ไม่สามารถปลอมแปลง หรือจ่ายซ้ำได้ ในปัจจุบันสกุลเงินดิจิตอลจำนวนมากเป็นระบบการกระจายอำนาจบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนที่เป็นบัญชีแยกประเภทกระจาย และมีการบังคับใช้โดยเครือข่ายที่แตกต่างกันของคอมพิวเตอร์ ฟีเจอร์ที่มีการกำหนดของคริปโตเคอเรนซีก็คือมันมักจะไม่ออกโดยผู้มีอำนาจส่วนกลางใดๆ การแสดงผลของมันในทางทฤษฎีมีภูมิคุ้มกันต่อการแทรกแซงของรัฐบาลหรือการจัดการ
แหล่งที่มา : https://smemove.com/blog/สกุลเงินดิจิตอล-cryptocurrency-คืออะ/
1. ให้ทำคลิปแสดงวิธีการชำระเงินด้วย Social Media 1 ชิ้น
Line BK
2. ให้ทำคลิปแสดงวิธีการชำระเงินด้วยวิธีการอื่น ๆ 1 ชิ้น
qr code คนละครึ่ง
การขายสินค้าเพื่อธุรกิจดิจิทัล
1. ให้ยกตัวอย่างสินค้าขายดีในอินเทอร์เน็ต อย่างน้อย 5 ตัวอย่าง พร้อมแหล่งที่มา (หน้าเว็บ : Url)
ตอบ
1. REEBOK : รองเท้ากีฬา UNISEX รุ่น ROYAL COMPLETE3LOW สี chalk/humble blue/chalk
แหล่งที่มา : https://shopee.co.th/product/316138328/7455850725?smtt=0.370117357-1612024595.9
2.Pick1 ชุดไฟไลฟ์สด ไฟ Led + พร้อมขาตั้ง 2.1 เมตร + ตัวล็อคมือถือ วงไฟมีหลาย ขนาดให้เลือก ปรับได้3สี เปลี่ยนได้10ระดับ
แหล่งที่มา : https://shopee.co.th/product/119241309/3160559553? smtt=0.370117357-1612024705.9
3.ลิปบาล์ม Vegans สารสกัดจากธรรมชาติ 100%
แหล่งที่มา : https://www.instagram.com/p/CJIcMW-Jzeb/?igshid=o3fb95lgqa2z
4.Case IPAD + Keyboard
แหล่งที่มา : https://instagram.com/laongmoon?igshid=16qoo9mdk3yrt
5.สร้อยคอ (เครื่องประดับ)
แหล่งที่มา : https://instagram.com/mound.ll.official?igshid=l8w9b1oiobfv
2. ให้เลือกสินค้า 1 อย่างเพื่อนำมาทำเป็นธุรกิจดิจิทัล
ตอบ ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวาและบราวน์นี่
3. ให้ยกตัวอย่างสินค้าประเภทเดียวกัน (ตามข้อที่ 2 ) ที่มีขายกันในอินเทอร์เน็ต อย่างน้อย 5 ตัวอย่าง
ตอบ
1.ร้าน story house.20
ผู้ติดตาม 34,300 คน
ลิ้งค์ของร้าน : https://instagram.com/storyhouse.20?igshid=1v84rntnqxpzz
2.ร้าน khan.maekhaa9
ผู้ติดตาม 36,500 กว่าคน
ลิงค์ของร้าน : https://instagram.com/khun.maekhaa9?igshid=lzk2qu5kvd38
3.ร้าน khan.panploy
ผู้ติดตาม 5,976 คน
ลิงค์ของร้าน : instagram.com/kanom.panploy?igshid=105nmqjtb3n13
4.ร้าน piapia.daily
ผู้ติดตาม 2,872 คน
ลิงค์ของร้าน : https://instagram.com/piapia.daily?igshid=1un92hqtdv39g
5.ร้าน aipedyoi
ผู้ติดตาม 3,830 คน
ลิงค์ของร้าน : https://instagram.com/aipedyoi?igshid=1ij20bzbvc19z
4. ให้จัดทำ เพจเฟซบุ้ค เพื่อขายสินค้า (ตามข้อ 2 )
ตอบ
ร้าน rimtung_bakery |
5. ให้ระบุการจัดส่งสินค้า
ตอบ การจัดส่งขนส่งขนมร้าน !!!
Flash ค่าส่งเริ่มต้น 60 บาท
ไปรษณีย์ไทย ค่าส่งเริ่มต้น 80 บาท
จัดเก็บความเย็น ค่าส่งเริ่มต้น 140 บาท
รอของ 1-2 วันหลังจัดส่งโดยประมาณ
(ราคาการจัดส่งขึ้นอยู่กับความห่างไกลของที่อยู่ลูกค้า)
6. ให้่ระบุการชำระเงิน
ตอบ ชำระเงินโดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ไม่มีเก็บเงินปลายทาง
รายชื่อกลุ่ม
1.นางสาว คัทลียา ทาเครือ เลขที่ 7
2.นางสาว ณิชมน รอดลา เลขที่ 11
3.นางสาว สุพัตร ไชยสาร เลขที่ 23
4.นางสาว สุพิชญา สุภาติ เลขที่ 24
ห้อง สบท63.2
บทที่8 ขั้นตอนการวางแผนสำหรับธุรกิจดิจิทัล
1. ความหมายของ digital marketing
ตอบ การทำการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้หลักการของ Marketing พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพราะ การทำการตลาดจะไม่หยุดแค่ที่โลก Offline อีกต่อไป โดยทุกวันนี้การสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือหนังสือพิมพ์นั้น อาจจะไม่เข้าถึงลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายได้ดี เท่ากับสื่อออนไลน์ เพราะเนื่องด้วยการดำเนินชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป
2. บอกประเภทของ digital marketing
ตอบ Content Marketing หมายถึงการสร้างคอนเทนต์เพื่อที่จะใช้สร้างแบรนด์ หาคนเข้าเว็บไซต์ หรือหาลูกค้า โดยที่ช่องทางการและรูปแบบการทำ content marketing ได้แก่
บล็อก – ส่วนมากจะมาในรูปแบบการเขียนบทความลงเว็บไซต์ หรือลงเพจ facebook เพื่อให้ความรู้ลูกค้าและแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของการเขียนก็คือการหาลูกค้า
Infographics อินโฟกราฟฟิค – บางครั้งลูกค้าก็ชอบที่จะดูแทนที่อ่าน ทำให้ content ให้ข้อมูลในรูปแบบภาพอย่างอินโฟกราฟฟิค lสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น หากเราลองดูใน Social Media แล้ว ส่วนมากคอนเทนต์ ที่จะถูกแชร์ก็คือคอนเทนต์แนวนี้
วิดิโอ – เป็นรูปแบบการทำคอนเทนต์เหมือนบทความ แต่จะเป็นรูปแบบวิดิโอแทน วิดิโอเป็นการทำคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ social network ต่างๆเริ่มผลักดันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการสร้างตัวตน สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า
E-book และการดาวน์โหลดต่างๆ – เว็บไซต์อาจจะทำการแจกข้อมูลในรูปแบบของ e-book หรือไฟล์ชนิดต่างๆให้สามารถดาวน์โหลดได้ ส่วนมากแล้วจะเป็นการแรกไฟล์กับข้อมูลลูกค้า เช่น อีเมล ชื่อ เพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อคนกลุ่มนี้ได้ผ่านวิธีการอื่นๆ
เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้จัดอันดับได้ดีขึ้นใน seach engine ต่างๆ (ซึ่งส่วนมากก็คือบน Google) การที่ได้อันดับใน Google หมายถึงว่าเราจะมีผู้เข้าเว็บไซต์มากขึ้น ที่สำคัญก็คือการเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ผ่าน SEO นั้นไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย การทำ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือ บล็อก และพร้อมที่จะลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างคอนเทนต์ต่างๆ
On Page SEO – เป็นการทำ SEO ที่เราสามารถควบคุมได้มากที่สุด หมายถึงการสร้างคอนเทนต์ หรือจัดหน้าเว็บไซต์ เช่นการตั้งชื่อหน้า จัดหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย และทำลิงค์ระหว่างหน้าในเว็บไซต์ของเราให้เข้าถึงกัน
Off Page SEO – หมายถึงกิจกรรมที่ควรทำนอกเหนือจากการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเอง Google จะดูจำนวนลิงค์ที่เว็บไซต์อื่นโยงเข้ามาถึงบทความในเว็บไซต์เราด้วย ว่าเว็บของเรา ‘ดีและน่าพูดถึง’ มากแค่ไหน ยิ่งมีคนลิงค์เข้ามาเยอะ เว็บเรายิ่งได้ตำแหน่งดี การทำ Off Page SEO ที่ดีคือการเข้าหาเว็บไซต์อื่นในอุตสาหกรรมเพื่อทำการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของเรา
Technical SEO – เป็นการทำ SEO ที่ค่อนข้างยาก เพราะต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเยอะ การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ การจัดการ code หลังบ้าน หรือแม้แต่การปรับขนาดของรูปภาพและวีดีโอในเว็บไซต์ เป้าหมายหลักก็คือการทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้นและทำให้ Google อ่านข้อมูลเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น
หมายถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Social Media ต่างๆ โดยที่ช่องทางที่คนมักนิยมใช้กันก็คือ Facebook Twitter Instagram และ Line
ผมคิดว่าทุกคนก็น่าจะรู้จัก Social Media อยู่แล้ว ธุรกิจอาจจะเขียนบทความลงไปในบล็อกลงเว็บไซต์ แล้วก็ใช้แพลตฟอร์ม Social Media ต่างๆเพื่อเผยแพร่ข้อมูลพวกนี้
อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้ Social Media ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram ก็เริ่มหวงไม่ให้คนออกจากเว็บไซต์ตัวเอง การโพสต์บทความหรือข้อความลงไปในเพจหรือหน้าร้านก็เริ่มมีคนเห็นน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนไปเป็นการซื้อโฆษณา ยิงโฆษณาแทน (ทำฟรีไม่ได้สวัสดี ต้องเสียเงิน)
การตลาดแบบยิงแอด ยิงโฆษณา เพื่อให้ลูกค้าทัก เข้ามาดูเว็บไซต์ จะถูกเรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click (จ่ายตามจำนวนคลิก) เพราะส่วนมากการตลาดแบบนี้จะคิดเงินตามจำนวนลูกค้าที่คลิกเข้ามาดูจริง ในประเทศไทย PPC ที่คนใช้กันเยอะก็จะมี Google และ Facebook
PPC สำหรับ Google ก็คือการจ่ายเพื่อให้จัดอันดับโฆษณาให้สูงกว่าการจัดอันดับทั่วไปแบบ SEO ส่วนการทำ PPC แบบ Facebook ก็คือการที่โฆษณาของเราไปโผล่ระหว่างที่ผู้ใช้งาน Facebook-Instagram กำลังเล่นอยู่ (เรียกว่า newsfeed) สามารถเป็นในรูปแบบ ภาพ หรือ วิดิโอ ก็ได้
หมายถึงการไปสปอนเซอร์บริษัทหรือบุคคลที่มีคนรู้จัก เพื่อให้ตัวตนเหล่านั้นช่วยโปรโมทสินค้าให้กับเรา ในสมัยก่อนว่าจะเป็นการจ้างดาราการจ้างนักร้อง แต่สมัยนี้คนดังมีตัวตนอยู่ในอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ทำให้ตัวเลือกของการหาคนโปรโมทเยอะขึ้น ที่สำคัญก็คือค่าใช้จ่ายลดลง
เราจะเห็นได้บ่อยในอุตสาหกรรมความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นให้คนมาช่วยขายครีม ให้คนมารีวิวบริการหรือสินค้า หรือแม้แต่การช่วยโพสโปรโมทร้านให้ ในขณะเดียวกันสปอนเซอร์แบบนี้ก็สามารถช่วยโปรโมทแบรนด์ทางอ้อม แทนที่จะเป็นการขายหรือการโฆษณาโดยตรงก็สามารถเปลี่ยนเป็นการให้ความรู้ผู้บริโภคแทนก็ได้
การตลาดประชาสัมพันธ์ออนไลน์ หมายถึงการนำความรู้ ข่าว หรือบทความที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราไปฝากลงในเว็บไซต์อื่น ก็คือเป็นการประชาสัมพันธ์ธรรมดาที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่ทำกับสื่อออนไลน์ หากเป็นการประชาสัมพันธ์ผ่าน Social Media ก็คงอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็นการประชาสัมพันธ์ลงเว็บไซต์ ข้อมูลพวกนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ลูกค้าเข้าถึงได้ตลอดไป
ประชาสัมพันธ์สามารถมาได้ในหลายรูปแบบ จะเป็นการคุยกับนักข่าวโดยตรง การติดต่อนักรีวิวออนไลน์ การนำบทความข่าวของเราไปฝากโพสต์กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้อ่านในโลกออนไลน์ก็จะแตกต่าง เมื่อก่อนบริษัทอาจจะสามารถทำการประชาสัมพันธ์ทีเดียว ตอบคำถามลูกค้าทีเดียว แล้วก็เตรียมปิดงานเลยได้ แต่ในสมัยนี้หลังจากที่ประชาสัมพันธ์เสร็จแล้ว ผู้บริโภคและผู้ฟังก็จะมีคำถามและสามารถโพสต์ถามได้ทุกที่ ในกรณีนี้เราก็ต้องมีทรัพยากรมากพอที่จะช่วยให้เราพูดคุยกับลูกค้า
เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ผู้บริโภคทุกคนมีอีเมลอยู่แล้ว แต่บริษัทส่วนมากกลับไม่ใช้อีเมลเป็นเครื่องมือสื่อสารเลย อีเมลเป็นสื่อที่ใช้โฆษณาสินค้า ให้โปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ หรือแม้แต่ใช้นำเสนอข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับองค์กร เรียกว่าแทบจะไม่ต่างจากเบอร์โทรศัพท์เลย แต่เราสามารถส่งอีเมลได้ในจำนวนเยอะกว่า ถูกกว่า หากเทียบกับการให้พนักงานโทรหาลูกค้า ส่งSMS หรือแม้แต่ส่งไลน์แบบ broadcast
เราจะเห็นได้ว่ามีแต่บริษัทใหญ่ๆใช้อีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยอีเมลส่วนมากที่เราเห็นก็จะมี อีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่ อีเมลนำเสนอข่าวสารต่างๆ อีเมลหลังจากที่ลูกค้าได้โหลดของจากเว็บไซต์ไป อีเมลโฆษณาและส่วนลดสำหรับลูกค้า และการนำเสนอข้อมูลข้อแนะนำการใช้สินค้า
Affiliate Marketing เป็นการตลาดผ่านการให้คนช่วยแนะนำ โดยส่วนมากบริษัทมักจะให้ค่าคอมมิชชั่น บุคคลหรือองค์กรช่วยโปรโมทสินค้าอาจจะเป็นการผ่านช่องทางเว็บไซต์ส่วนตัวหรือทางเพจ Social Media ต่างๆ
องค์กรที่จะทำ Affiliate Marketing ได้ต้องมีระบบหลังบ้านที่ดี เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบข้อมูลการแนะนำลูกค้าได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่ามีแต่ธุรกิจออนไลน์ขนาดใหญ่ที่จะใช้ระบบ Affiliate Marketing ได้ดี
3. ยกตัวอย่างของ digital marketing (link ของวีดีโอในยูทูป)
ตอบ https://youtu.be/h-fB97Sz9Qw
เรื่อง การประสานการใช้เครื่องมือดิจิทัล เข้าไปในแต่ละขั้นตอนของกิจกรรมธุรกิจดิจิทัล
คำสั่ง ให้ทำงานในบล๊อก แล้วส่ง link ของบล๊อกทางไลน์กลุ่ม
1. Digital Marketing Plan หมายถึง
ตอบ. เอกสารที่ใช้แชร์ข้อมูลสำหรับแผนการทั้งหมดในการทำแคมเปญการตลาดดิจิทัล และแผนการปฏิบัติการ ประกอบด้วย เป้าหมายของธุรกิจระยะสั้น, ระยะกลาง และระยะยาว กลยุทธ์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับดิจิทัล ช่องทางที่เลือกใช้
2. Digital Marketing Plan ประกอบด้วย
ตอบ. - เป้าหมายของธุรกิจระยะสั้น, ระยะกลาง และระยะยาว
- กลยุทธ์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับดิจิทัล
- ช่องทางที่เลือกใช้
- แผนปฏิบัติงานและแผนการพัฒนา
- การลงทุนและงบประมาณ
- ระยะเวลาและ Roadmap
3. สิ่งที่ควรพิจารณาในการจัดทำ Digital Marketing Plan
ตอบ. ต้องพิจารณาหลายส่วน ได้แก่ SEO, Analytics (การวิเคราะห์), Web Positioning (ตำแหน่งของเว็บไซต์), Strategies (กลยุทธ์), Social Media (สื่อสังคม)& Goals (วัตถุประสงค์)
4. ขั้นตอนในการสร้างแผนการตลาดดิจิทัล Digital Marketing Plan
ตอบ. ขั้นตอนที่ 1 : Define your brand (กำหนดตัวตนของแบรนด์)
ขั้นตอนที่ 2 : Create buyer personas (สร้าง Buyer personas)
ขั้นตอนที่ 3 : Set your goals (กำหนดวัตถุประสงค์)
ขั้นตอนที่ 4 : Choose your Digital Marketing methods (เลือกวิธีการตลาดดิจิทัล)
ขั้นตอนที่ 5 : Set your budget (ตั้งงบประมาณ)
ขั้นตอนที่ 6 : Measure results (ประเมินผล)
5. อธิบายขั้นตอน Define your brand (กำหนดตัวตนของแบรนด์)
ตอบ. Define your brand (กำหนดตัวตนของแบรนด์)
มุ่งสู่ความสำเร็จด้วยการใช้ Digital Marketing Plan คุณต้องกำหนดตัวตนของธุรกิจให้ชัดเจน สินค้าอะไรที่นำมาไว้แข่งกับคู่แข่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เข้าใจว่า ธุรกิจของคุณเป็นที่สนใจของตลาด? สิ่งไหนคือเอกลักษณ์ของธุรกิจคุณ? สร้างจุดขาย Unique Selling Points (USPs) เพื่อที่จะให้ลูกค้าเข้าใจแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสำคัญสำหรับธุรกิจคุณ แถมยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกทีม ข้อดีของ USPs คือภาพลักษณ์ของแบรนด์และทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจกับการแข่งขัน นอกเหนือจากจุดขายของคุณแล้ว คุณต้องการที่กำหนดตัวตนแบรนด์ โดยพันธกิจและคุณค่าจะกำหนดว่าตัวคุณจะทำอะไร สิ่งไหนคือแรงกระตุ้นให้ธุรกิจของคุณเริ่มต้นในทุกวันและมอบให้ลูกค้า
หลาย ๆ คนกำหนดตัวตนแบรนด์โดยยึดจากพันธกิจและคุณค่า ยกตัวอย่างเช่น Tom’s บริษัทจำหน่ายรองเท้า มีวัตถุประสงค์ว่าหากมีการซื้อ-ขายสินค้าได้ในแต่ละครั้ง Tom’s จะบริจาครองเท้าให้กับคนที่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาด้วย ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ Tom’s สร้างแรงกระตุ้นให้คนซื้อสินค้าของพวกเขา เพราะรู้ว่าผลประโยชน์จากการซื้อรองเท้าคืออะไร พันธกิจของแบรนด์สร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าสนใจมากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการที่บรรลุแผนการตลาดดิจิทัล คุณต้องเริ่มที่กำหนดตัวตนของแบรนด์ มองหาจุดเด่น และเอกลักษณ์ของบริษัทให้เจอ
6. อธิบายขั้นตอน Create buyer personas (สร้าง Buyer personas)
ตอบ. 1. การแยก Persona อย่างชัดเจน
ในการทำ Buyer Persona สิ่งที่จำเป็นอย่างแรกเลยคือการแยก Persona แต่ละอันของเราให้ได้ก่อน โดยเราจะเริ่มมองจากภาพใหญ่และค่อยๆลงลึกไปถึงรายละเอียดของมัน (ธุรกิจส่วนใหญ่มักมี Buyer Persona มากกว่า 1 อัน)
โดยผมจะยกตัวอย่างว่าเป็นธุรกิจที่มีโรงงานผลิตและจำหน่าย (ออนไลน์) ถุงเท้าสำหรับผู้ชาย และมีหลากหลายสีสันให้เลือก
และเนื่องจากองค์กรเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย ลูกค้าของพวกเขาก็จะมี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือ
1. End Consumer – กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อนำไปใช้เอง หรือซื้อเพื่อเป็นของขวัญให้กับคนอื่น
2. Wholesale Accounts – กลุ่ม Retailers ที่ซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่ออีกที เช่น เว็บไซต์ Wholesaler ที่ขายสินค้าหลากหลายประเภท และต้องการนำถุงเท้าของเราไปอยู่ในสต็อก
ตอนนี้เราได้ออกมาแล้วสองกลุ่มใหญ่ๆ โดยเราจะลงลึกไปที่กลุ่ม End Consumer เพราะกลุ่มนี้สามารถแบ่งแยกออกได้เป็นหลายกลุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับขั้นตอนการทำ Persona ครับ
ขั้นตอนต่อไปนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าคุณ ในกรณีนี้เราจะแบ่ง End consumer ออกเป็น 2 กลุ่ม
1. ผู้ชายที่ซื้อถุงเท้าเพื่อนำไปใช้เอง
2. ผู้หญิงที่ซื้อไปเป็นของขวัญให้แฟนหรือสามีของพวกเขา
โอเคครับตอนนี้เราก็สามารถแบ่ง Buyer Persona ของเราได้ออกเป็น 2 อัน แล้ว ในหัวข้อถัดไปเราจะทำการเจาะลึกถึงข้อมูลของแต่ละ Persona กันครับ
หลังจากที่เราแบ่ง Persona ออกมาได้แล้ว เราจะเริ่มกำหนดรายละเอียดของ Persona กัน โดยการกำหนดนั้นเราจะอิงจากข้อมูลรีเสิร์ชต่างๆ เพื่อให้ Persona ของเรานั้นชัดเจนและเป็นไปได้มากที่สุด (ไม่ใช่การเดา) ดังนั้นธุรกิจของคุณจะต้องเริ่มดำเนินการมาแล้วระยะนึงแล้ว และมีการเก็บฐานข้อมูลของลูกค้ามาแล้ว
จากที่เราได้ใช้เครื่องมือต่างๆ และวิเคราะห์ Persona จากการรีเสิร์ชเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเพื่อที่จะให้ Buyer Persona ของเราสมบูรณ์ คือการรวบรวมข้อมูล โดยเราจะใช้ตัวอย่าง “ผู้ชายที่ซื้อถุงเท้าเพื่อนำไปใช้เอง” ในธุรกิจขายถุงเท้าที่ได้อธิบายไปในขั้นตอนแรก สำหรับการทำ Buyer Persona
7. ข้อมูลสำคัญของ Buyer Personas
ตอบ. Buyer Personas คือกลุ่มลูกค้าในอุดมคติโดยแสดงแทนคุณสมบัติของคนที่คุณคิดว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะมาซื้อสินค้าและบริการของคุณ พวกเขาจะทำให้ลูกค้าในฝันที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จะทราบว่าใครจะซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์คุณ หากต้องการสร้าง Buyer Personas จะต้องเก็บข้อมูล ดังต่อไปนี้
- สถานที่
- อายุ
- รายได้
- ตำแหน่งงาน
- งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจ
- เป้าหมายในชีวิต
8. อธิบายขั้นตอน Set your goals (กำหนดวัตถุประสงค์)
ตอบ. ก่อนที่เราลงมือทำธุรกิจอย่างจริงจังเราควรกำหนดวัตถุประสงค์ว่าใครคือลูกค้าของคุณก่อนซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดแคมเปญการตลาดนั้นมีประสิทธิภาพที่ทำให้ธุรกิจคุณโตขึ้นได้หรือไม่
เมื่อคุณต้องการที่จะกำหนดวัตถุประสงค์นั้นต้องทราบว่าคุณต้องการจะบรรลุอะไร พวกเขาต้องวัดผลสิ่งที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้วัดผลง่ายกว่าเดิม
9. ประเภทของวัตถุประสงค์
ตอบ. วัตถุประสงค์ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ วัตถุประสงค์หลัก และวัตถุประสงค์รอง (วัตถุประสงค์รองของคุณควรจะช่วยสนับสนุนให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์หลัก)
10.วิธีการจัดวัดผลการบรรลุวัตถุวัตถุประสงค์
ตอบ. ขั้นตอนสำคัญถัดไปนั่นก็คือการวัดผล เราจะวัดผลโดยใช้ที่มีชื่อว่า “SMART”
SMART ย่อมาจาก :
- Specific (โดยเฉพาะ / เฉพาะเจาะจง)
- Measurable (วัดได้)
- Attainable (บรรลุ / สำเร็จได้)
- Relevant (เข้าประเด็น / เกี่ยวเนื่องกัน)
- Timely (ถูกเวลา)
11. อธิบายขั้นตอน Choose your Digital Marketing methods (เลือกวิธีการตลาดดิจิทัล)
ตัวอย่างวิธีการการตลาดดิจิทัล ได้แก่ Search Engine Optimization (SEO),Pay-per-click (PPC) advertising,Content marketing,Email marketing,Social media marketing,Influencer marketing
ตัวอย่างที่กล่าวมาคือช่องทางที่ทำให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อคุณเริ่มที่จะใช้แผนการตลาดดิจิทัล คุณต้องเลือกวิธีการที่เหมาะกับลูกค้าของคุณ
12. ให้ยกตัวอย่างวิธีการการตลาดดิจิทัล
ตอบ. ตัวอย่างวิธีการการตลาดดิจิทัล ได้แก่
- Search Engine Optimization (SEO)
- Pay-per-click (PPC) advertising
- Content marketing
- Email marketing
- Social media marketing
- Influencer marketing
13. อธิบายขั้นตอน Set your budget (ตั้งงบประมาณ)
ตอบ. งบประมาณคือส่วนสำคัญของแคมเปญ คุณต้องทราบว่าสามารถใช้เงินสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัลได้เท่าไหร่ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำ เมื่อคุณตั้งงบประมาณเสร็จแล้ว คุณต้องแบ่งและบริหารก้อนเงินในแต่ละช่องทางให้เหมาะสม และรู้ว่าควรเลือกใช้ช่องทางไหนถึงเหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะคิดว่า 15,000 บาทต่อแคมเปญนั้นเพียงพอที่จะทำแคมเปญ A และอาจจะไม่ส่งผลลัพธ์เหมือนกันหากใช้เงินถึง 30,000 บาทในแคมเปญ A เหมือนกัน เมื่อคุณรู้ว่าสามารถใช้งบประมาณได้เท่าไร คุณต้องทราบว่าควรใช้ในแต่ละช่องทางแค่ไหน คุณจึงจะสร้าง Digital Marketing Plan ได้ดียิ่งขึ้น
หากคุณไม่บรรลุวัตถุประสงค์ คุณสามารถใช้โอกาสในการเปลี่ยนโครงสร้างของแคมเปญใหม่เพื่อที่จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น คุณควรปรับเปลี่ยนหรือใช้กลยุทธ์อื่นที่ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ยิ่งขึ้น ถ้าหากบริษัทของคุณยังไม่มีแผนการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Plan) ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างเป็นของตัวเอง แต่ถ้าหากคุณอยากได้ผู้เชี่ยวชาญช่วยสร้างได้สำหรับแบรนด์ที่ต้องการปรับจาก Offline มาสู่ Online ต้องการคำแนะนำ ปรึกษาเราได้ FUSE by Sellsuki
15. ให้ยกตัวอย่าง Digital Marketing Plan มาอย่างน้อย 1 ตัวอย่าง
ตอบ.