นางสาว ณิชมน รอดลา เลขที่ 11 สบท63.2 บทที่ 8
บทที่8 ขั้นตอนการวางแผนสำหรับธุรกิจดิจิทัล
1. ความหมายของ digital marketing
ตอบ การทำการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้หลักการของ Marketing พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพราะ การทำการตลาดจะไม่หยุดแค่ที่โลก Offline อีกต่อไป โดยทุกวันนี้การสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือหนังสือพิมพ์นั้น อาจจะไม่เข้าถึงลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายได้ดี เท่ากับสื่อออนไลน์ เพราะเนื่องด้วยการดำเนินชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป
2. บอกประเภทของ digital marketing
ตอบ Content Marketing หมายถึงการสร้างคอนเทนต์เพื่อที่จะใช้สร้างแบรนด์ หาคนเข้าเว็บไซต์ หรือหาลูกค้า โดยที่ช่องทางการและรูปแบบการทำ content marketing ได้แก่
บล็อก – ส่วนมากจะมาในรูปแบบการเขียนบทความลงเว็บไซต์ หรือลงเพจ facebook เพื่อให้ความรู้ลูกค้าและแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของการเขียนก็คือการหาลูกค้า
Infographics อินโฟกราฟฟิค – บางครั้งลูกค้าก็ชอบที่จะดูแทนที่อ่าน ทำให้ content ให้ข้อมูลในรูปแบบภาพอย่างอินโฟกราฟฟิค lสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น หากเราลองดูใน Social Media แล้ว ส่วนมากคอนเทนต์ ที่จะถูกแชร์ก็คือคอนเทนต์แนวนี้
วิดิโอ – เป็นรูปแบบการทำคอนเทนต์เหมือนบทความ แต่จะเป็นรูปแบบวิดิโอแทน วิดิโอเป็นการทำคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ social network ต่างๆเริ่มผลักดันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการสร้างตัวตน สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า
E-book และการดาวน์โหลดต่างๆ – เว็บไซต์อาจจะทำการแจกข้อมูลในรูปแบบของ e-book หรือไฟล์ชนิดต่างๆให้สามารถดาวน์โหลดได้ ส่วนมากแล้วจะเป็นการแรกไฟล์กับข้อมูลลูกค้า เช่น อีเมล ชื่อ เพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อคนกลุ่มนี้ได้ผ่านวิธีการอื่นๆ
Search Engine Optimization (SEO)
เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้จัดอันดับได้ดีขึ้นใน seach engine ต่างๆ (ซึ่งส่วนมากก็คือบน Google) การที่ได้อันดับใน Google หมายถึงว่าเราจะมีผู้เข้าเว็บไซต์มากขึ้น ที่สำคัญก็คือการเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ผ่าน SEO นั้นไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย การทำ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือ บล็อก และพร้อมที่จะลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างคอนเทนต์ต่างๆ
On Page SEO – เป็นการทำ SEO ที่เราสามารถควบคุมได้มากที่สุด หมายถึงการสร้างคอนเทนต์ หรือจัดหน้าเว็บไซต์ เช่นการตั้งชื่อหน้า จัดหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย และทำลิงค์ระหว่างหน้าในเว็บไซต์ของเราให้เข้าถึงกัน
Off Page SEO – หมายถึงกิจกรรมที่ควรทำนอกเหนือจากการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเอง Google จะดูจำนวนลิงค์ที่เว็บไซต์อื่นโยงเข้ามาถึงบทความในเว็บไซต์เราด้วย ว่าเว็บของเรา ‘ดีและน่าพูดถึง’ มากแค่ไหน ยิ่งมีคนลิงค์เข้ามาเยอะ เว็บเรายิ่งได้ตำแหน่งดี การทำ Off Page SEO ที่ดีคือการเข้าหาเว็บไซต์อื่นในอุตสาหกรรมเพื่อทำการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของเรา
Technical SEO – เป็นการทำ SEO ที่ค่อนข้างยาก เพราะต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเยอะ การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ การจัดการ code หลังบ้าน หรือแม้แต่การปรับขนาดของรูปภาพและวีดีโอในเว็บไซต์ เป้าหมายหลักก็คือการทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้นและทำให้ Google อ่านข้อมูลเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น
Social Media Marketing
หมายถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Social Media ต่างๆ โดยที่ช่องทางที่คนมักนิยมใช้กันก็คือ Facebook Twitter Instagram และ Line
ผมคิดว่าทุกคนก็น่าจะรู้จัก Social Media อยู่แล้ว ธุรกิจอาจจะเขียนบทความลงไปในบล็อกลงเว็บไซต์ แล้วก็ใช้แพลตฟอร์ม Social Media ต่างๆเพื่อเผยแพร่ข้อมูลพวกนี้
อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้ Social Media ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram ก็เริ่มหวงไม่ให้คนออกจากเว็บไซต์ตัวเอง การโพสต์บทความหรือข้อความลงไปในเพจหรือหน้าร้านก็เริ่มมีคนเห็นน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนไปเป็นการซื้อโฆษณา ยิงโฆษณาแทน (ทำฟรีไม่ได้สวัสดี ต้องเสียเงิน)
Pay Per Click (PPC)
การตลาดแบบยิงแอด ยิงโฆษณา เพื่อให้ลูกค้าทัก เข้ามาดูเว็บไซต์ จะถูกเรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click (จ่ายตามจำนวนคลิก) เพราะส่วนมากการตลาดแบบนี้จะคิดเงินตามจำนวนลูกค้าที่คลิกเข้ามาดูจริง ในประเทศไทย PPC ที่คนใช้กันเยอะก็จะมี Google และ Facebook
PPC สำหรับ Google ก็คือการจ่ายเพื่อให้จัดอันดับโฆษณาให้สูงกว่าการจัดอันดับทั่วไปแบบ SEO ส่วนการทำ PPC แบบ Facebook ก็คือการที่โฆษณาของเราไปโผล่ระหว่างที่ผู้ใช้งาน Facebook-Instagram กำลังเล่นอยู่ (เรียกว่า newsfeed) สามารถเป็นในรูปแบบ ภาพ หรือ วิดิโอ ก็ได้
Sponsored Content (Influencer)
หมายถึงการไปสปอนเซอร์บริษัทหรือบุคคลที่มีคนรู้จัก เพื่อให้ตัวตนเหล่านั้นช่วยโปรโมทสินค้าให้กับเรา ในสมัยก่อนว่าจะเป็นการจ้างดาราการจ้างนักร้อง แต่สมัยนี้คนดังมีตัวตนอยู่ในอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ทำให้ตัวเลือกของการหาคนโปรโมทเยอะขึ้น ที่สำคัญก็คือค่าใช้จ่ายลดลง
เราจะเห็นได้บ่อยในอุตสาหกรรมความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นให้คนมาช่วยขายครีม ให้คนมารีวิวบริการหรือสินค้า หรือแม้แต่การช่วยโพสโปรโมทร้านให้ ในขณะเดียวกันสปอนเซอร์แบบนี้ก็สามารถช่วยโปรโมทแบรนด์ทางอ้อม แทนที่จะเป็นการขายหรือการโฆษณาโดยตรงก็สามารถเปลี่ยนเป็นการให้ความรู้ผู้บริโภคแทนก็ได้
Online PR การประชาสัมพันธ์ออนไลน์
การตลาดประชาสัมพันธ์ออนไลน์ หมายถึงการนำความรู้ ข่าว หรือบทความที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราไปฝากลงในเว็บไซต์อื่น ก็คือเป็นการประชาสัมพันธ์ธรรมดาที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่ทำกับสื่อออนไลน์ หากเป็นการประชาสัมพันธ์ผ่าน Social Media ก็คงอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็นการประชาสัมพันธ์ลงเว็บไซต์ ข้อมูลพวกนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ลูกค้าเข้าถึงได้ตลอดไป
ประชาสัมพันธ์สามารถมาได้ในหลายรูปแบบ จะเป็นการคุยกับนักข่าวโดยตรง การติดต่อนักรีวิวออนไลน์ การนำบทความข่าวของเราไปฝากโพสต์กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้อ่านในโลกออนไลน์ก็จะแตกต่าง เมื่อก่อนบริษัทอาจจะสามารถทำการประชาสัมพันธ์ทีเดียว ตอบคำถามลูกค้าทีเดียว แล้วก็เตรียมปิดงานเลยได้ แต่ในสมัยนี้หลังจากที่ประชาสัมพันธ์เสร็จแล้ว ผู้บริโภคและผู้ฟังก็จะมีคำถามและสามารถโพสต์ถามได้ทุกที่ ในกรณีนี้เราก็ต้องมีทรัพยากรมากพอที่จะช่วยให้เราพูดคุยกับลูกค้า
Email Marketing
เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ผู้บริโภคทุกคนมีอีเมลอยู่แล้ว แต่บริษัทส่วนมากกลับไม่ใช้อีเมลเป็นเครื่องมือสื่อสารเลย อีเมลเป็นสื่อที่ใช้โฆษณาสินค้า ให้โปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ หรือแม้แต่ใช้นำเสนอข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับองค์กร เรียกว่าแทบจะไม่ต่างจากเบอร์โทรศัพท์เลย แต่เราสามารถส่งอีเมลได้ในจำนวนเยอะกว่า ถูกกว่า หากเทียบกับการให้พนักงานโทรหาลูกค้า ส่งSMS หรือแม้แต่ส่งไลน์แบบ broadcast
เราจะเห็นได้ว่ามีแต่บริษัทใหญ่ๆใช้อีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยอีเมลส่วนมากที่เราเห็นก็จะมี อีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่ อีเมลนำเสนอข่าวสารต่างๆ อีเมลหลังจากที่ลูกค้าได้โหลดของจากเว็บไซต์ไป อีเมลโฆษณาและส่วนลดสำหรับลูกค้า และการนำเสนอข้อมูลข้อแนะนำการใช้สินค้า
Affiliate Marketing
Affiliate Marketing เป็นการตลาดผ่านการให้คนช่วยแนะนำ โดยส่วนมากบริษัทมักจะให้ค่าคอมมิชชั่น บุคคลหรือองค์กรช่วยโปรโมทสินค้าอาจจะเป็นการผ่านช่องทางเว็บไซต์ส่วนตัวหรือทางเพจ Social Media ต่างๆ
องค์กรที่จะทำ Affiliate Marketing ได้ต้องมีระบบหลังบ้านที่ดี เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบข้อมูลการแนะนำลูกค้าได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่ามีแต่ธุรกิจออนไลน์ขนาดใหญ่ที่จะใช้ระบบ Affiliate Marketing ได้ดี
3. ยกตัวอย่างของ digital marketing (link ของวีดีโอในยูทูป)
ตอบ https://youtu.be/h-fB97Sz9Qw
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก