วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2564

นางสาว ณิชมน รอดลา เลขที่ 11 สบท63.2 บทที่ 8

         บทที่8 ขั้นตอนการวางแผนสำหรับธุรกิจดิจิทัล

1. ความหมายของ digital marketing

ตอบ การทำการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้หลักการของ Marketing พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพราะ การทำการตลาดจะไม่หยุดแค่ที่โลก Offline อีกต่อไป โดยทุกวันนี้การสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือหนังสือพิมพ์นั้น อาจจะไม่เข้าถึงลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายได้ดี เท่ากับสื่อออนไลน์ เพราะเนื่องด้วยการดำเนินชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป

2. บอกประเภทของ digital marketing

ตอบ Content Marketing หมายถึงการสร้างคอนเทนต์เพื่อที่จะใช้สร้างแบรนด์ หาคนเข้าเว็บไซต์ หรือหาลูกค้า โดยที่ช่องทางการและรูปแบบการทำ content marketing ได้แก่

บล็อก – ส่วนมากจะมาในรูปแบบการเขียนบทความลงเว็บไซต์ หรือลงเพจ facebook เพื่อให้ความรู้ลูกค้าและแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของการเขียนก็คือการหาลูกค้า

  • Infographics อินโฟกราฟฟิค – บางครั้งลูกค้าก็ชอบที่จะดูแทนที่อ่าน ทำให้ content ให้ข้อมูลในรูปแบบภาพอย่างอินโฟกราฟฟิค lสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น หากเราลองดูใน Social Media แล้ว ส่วนมากคอนเทนต์ ที่จะถูกแชร์ก็คือคอนเทนต์แนวนี้ 

    วิดิโอ – เป็นรูปแบบการทำคอนเทนต์เหมือนบทความ แต่จะเป็นรูปแบบวิดิโอแทน วิดิโอเป็นการทำคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ social network ต่างๆเริ่มผลักดันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการสร้างตัวตน สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า

    E-book และการดาวน์โหลดต่างๆ – เว็บไซต์อาจจะทำการแจกข้อมูลในรูปแบบของ e-book หรือไฟล์ชนิดต่างๆให้สามารถดาวน์โหลดได้ ส่วนมากแล้วจะเป็นการแรกไฟล์กับข้อมูลลูกค้า เช่น อีเมล ชื่อ เพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อคนกลุ่มนี้ได้ผ่านวิธีการอื่นๆ 

    Search Engine Optimization (SEO)

    เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้จัดอันดับได้ดีขึ้นใน seach engine ต่างๆ (ซึ่งส่วนมากก็คือบน Google) การที่ได้อันดับใน Google หมายถึงว่าเราจะมีผู้เข้าเว็บไซต์มากขึ้น ที่สำคัญก็คือการเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ผ่าน SEO นั้นไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย การทำ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือ บล็อก และพร้อมที่จะลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างคอนเทนต์ต่างๆ 

    On Page SEO – เป็นการทำ SEO ที่เราสามารถควบคุมได้มากที่สุด หมายถึงการสร้างคอนเทนต์ หรือจัดหน้าเว็บไซต์ เช่นการตั้งชื่อหน้า จัดหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย และทำลิงค์ระหว่างหน้าในเว็บไซต์ของเราให้เข้าถึงกัน

    Off Page SEO – หมายถึงกิจกรรมที่ควรทำนอกเหนือจากการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเอง Google จะดูจำนวนลิงค์ที่เว็บไซต์อื่นโยงเข้ามาถึงบทความในเว็บไซต์เราด้วย ว่าเว็บของเรา ‘ดีและน่าพูดถึง’ มากแค่ไหน ยิ่งมีคนลิงค์เข้ามาเยอะ เว็บเรายิ่งได้ตำแหน่งดี การทำ Off Page SEO ที่ดีคือการเข้าหาเว็บไซต์อื่นในอุตสาหกรรมเพื่อทำการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของเรา 

    Technical SEO – เป็นการทำ SEO ที่ค่อนข้างยาก เพราะต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเยอะ การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ การจัดการ code หลังบ้าน หรือแม้แต่การปรับขนาดของรูปภาพและวีดีโอในเว็บไซต์ เป้าหมายหลักก็คือการทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้นและทำให้ Google อ่านข้อมูลเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น

    Social Media Marketing

    หมายถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Social Media ต่างๆ โดยที่ช่องทางที่คนมักนิยมใช้กันก็คือ Facebook Twitter Instagram และ Line

    ผมคิดว่าทุกคนก็น่าจะรู้จัก Social Media อยู่แล้ว ธุรกิจอาจจะเขียนบทความลงไปในบล็อกลงเว็บไซต์ แล้วก็ใช้แพลตฟอร์ม Social Media ต่างๆเพื่อเผยแพร่ข้อมูลพวกนี้ 

    อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้ Social Media ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram ก็เริ่มหวงไม่ให้คนออกจากเว็บไซต์ตัวเอง การโพสต์บทความหรือข้อความลงไปในเพจหรือหน้าร้านก็เริ่มมีคนเห็นน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนไปเป็นการซื้อโฆษณา ยิงโฆษณาแทน (ทำฟรีไม่ได้สวัสดี ต้องเสียเงิน)

    Pay Per Click (PPC)

    การตลาดแบบยิงแอด ยิงโฆษณา เพื่อให้ลูกค้าทัก เข้ามาดูเว็บไซต์ จะถูกเรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click (จ่ายตามจำนวนคลิก) เพราะส่วนมากการตลาดแบบนี้จะคิดเงินตามจำนวนลูกค้าที่คลิกเข้ามาดูจริง ในประเทศไทย PPC ที่คนใช้กันเยอะก็จะมี Google และ Facebook 

    PPC สำหรับ Google ก็คือการจ่ายเพื่อให้จัดอันดับโฆษณาให้สูงกว่าการจัดอันดับทั่วไปแบบ SEO ส่วนการทำ PPC แบบ Facebook ก็คือการที่โฆษณาของเราไปโผล่ระหว่างที่ผู้ใช้งาน Facebook-Instagram กำลังเล่นอยู่ (เรียกว่า newsfeed) สามารถเป็นในรูปแบบ ภาพ หรือ วิดิโอ ก็ได้

    Sponsored Content (Influencer)

    หมายถึงการไปสปอนเซอร์บริษัทหรือบุคคลที่มีคนรู้จัก เพื่อให้ตัวตนเหล่านั้นช่วยโปรโมทสินค้าให้กับเรา ในสมัยก่อนว่าจะเป็นการจ้างดาราการจ้างนักร้อง แต่สมัยนี้คนดังมีตัวตนอยู่ในอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ทำให้ตัวเลือกของการหาคนโปรโมทเยอะขึ้น ที่สำคัญก็คือค่าใช้จ่ายลดลง

    เราจะเห็นได้บ่อยในอุตสาหกรรมความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นให้คนมาช่วยขายครีม ให้คนมารีวิวบริการหรือสินค้า หรือแม้แต่การช่วยโพสโปรโมทร้านให้ ในขณะเดียวกันสปอนเซอร์แบบนี้ก็สามารถช่วยโปรโมทแบรนด์ทางอ้อม แทนที่จะเป็นการขายหรือการโฆษณาโดยตรงก็สามารถเปลี่ยนเป็นการให้ความรู้ผู้บริโภคแทนก็ได้

    Online PR การประชาสัมพันธ์ออนไลน์

    การตลาดประชาสัมพันธ์ออนไลน์ หมายถึงการนำความรู้ ข่าว หรือบทความที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราไปฝากลงในเว็บไซต์อื่น ก็คือเป็นการประชาสัมพันธ์ธรรมดาที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่ทำกับสื่อออนไลน์ หากเป็นการประชาสัมพันธ์ผ่าน Social Media ก็คงอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็นการประชาสัมพันธ์ลงเว็บไซต์ ข้อมูลพวกนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ลูกค้าเข้าถึงได้ตลอดไป

    ประชาสัมพันธ์สามารถมาได้ในหลายรูปแบบ จะเป็นการคุยกับนักข่าวโดยตรง การติดต่อนักรีวิวออนไลน์ การนำบทความข่าวของเราไปฝากโพสต์กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง

    อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้อ่านในโลกออนไลน์ก็จะแตกต่าง เมื่อก่อนบริษัทอาจจะสามารถทำการประชาสัมพันธ์ทีเดียว ตอบคำถามลูกค้าทีเดียว แล้วก็เตรียมปิดงานเลยได้ แต่ในสมัยนี้หลังจากที่ประชาสัมพันธ์เสร็จแล้ว ผู้บริโภคและผู้ฟังก็จะมีคำถามและสามารถโพสต์ถามได้ทุกที่ ในกรณีนี้เราก็ต้องมีทรัพยากรมากพอที่จะช่วยให้เราพูดคุยกับลูกค้า

    Email Marketing

    เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ผู้บริโภคทุกคนมีอีเมลอยู่แล้ว แต่บริษัทส่วนมากกลับไม่ใช้อีเมลเป็นเครื่องมือสื่อสารเลย อีเมลเป็นสื่อที่ใช้โฆษณาสินค้า ให้โปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ หรือแม้แต่ใช้นำเสนอข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับองค์กร เรียกว่าแทบจะไม่ต่างจากเบอร์โทรศัพท์เลย แต่เราสามารถส่งอีเมลได้ในจำนวนเยอะกว่า ถูกกว่า หากเทียบกับการให้พนักงานโทรหาลูกค้า ส่งSMS หรือแม้แต่ส่งไลน์แบบ broadcast

    เราจะเห็นได้ว่ามีแต่บริษัทใหญ่ๆใช้อีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยอีเมลส่วนมากที่เราเห็นก็จะมี อีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่ อีเมลนำเสนอข่าวสารต่างๆ อีเมลหลังจากที่ลูกค้าได้โหลดของจากเว็บไซต์ไป  อีเมลโฆษณาและส่วนลดสำหรับลูกค้า และการนำเสนอข้อมูลข้อแนะนำการใช้สินค้า

    Affiliate Marketing

    Affiliate Marketing เป็นการตลาดผ่านการให้คนช่วยแนะนำ โดยส่วนมากบริษัทมักจะให้ค่าคอมมิชชั่น บุคคลหรือองค์กรช่วยโปรโมทสินค้าอาจจะเป็นการผ่านช่องทางเว็บไซต์ส่วนตัวหรือทางเพจ Social Media ต่างๆ 

        องค์กรที่จะทำ Affiliate Marketing ได้ต้องมีระบบหลังบ้านที่ดี เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบข้อมูลการแนะนำลูกค้าได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่ามีแต่ธุรกิจออนไลน์ขนาดใหญ่ที่จะใช้ระบบ Affiliate Marketing ได้ดี

3. ยกตัวอย่างของ digital marketing  (link ของวีดีโอในยูทูป)

ตอบ https://youtu.be/h-fB97Sz9Qw



วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2564

นางสาว ณิชมน รอดลา เลขที่ 11 สบท63.2

 เรื่อง การประสานการใช้เครื่องมือดิจิทัล เข้าไปในแต่ละขั้นตอนของกิจกรรมธุรกิจดิจิทัล 

คำสั่ง ให้ทำงานในบล๊อก แล้วส่ง link ของบล๊อกทางไลน์กลุ่ม

1. Digital Marketing Plan หมายถึง

ตอบ. เอกสารที่ใช้แชร์ข้อมูลสำหรับแผนการทั้งหมดในการทำแคมเปญการตลาดดิจิทัล และแผนการปฏิบัติการ ประกอบด้วย เป้าหมายของธุรกิจระยะสั้น, ระยะกลาง และระยะยาว กลยุทธ์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับดิจิทัล ช่องทางที่เลือกใช้

2. Digital Marketing Plan ประกอบด้วย

ตอบ.     - เป้าหมายของธุรกิจระยะสั้นระยะกลาง และระยะยาว

              - กลยุทธ์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับดิจิทัล

              - ช่องทางที่เลือกใช้

              - แผนปฏิบัติงานและแผนการพัฒนา

              - การลงทุนและงบประมาณ

              - ระยะเวลาและ Roadmap

3. สิ่งที่ควรพิจารณาในการจัดทำ Digital Marketing Plan

ตอบ. ต้องพิจารณาหลายส่วน ได้แก่ SEO, Analytics (การวิเคราะห์), Web Positioning (ตำแหน่งของเว็บไซต์), Strategies (กลยุทธ์), Social Media (สื่อสังคม)& Goals (วัตถุประสงค์)

4. ขั้นตอนในการสร้างแผนการตลาดดิจิทัล Digital Marketing Plan

ตอบ. ขั้นตอนที่ 1 : Define your brand (กำหนดตัวตนของแบรนด์)

          ขั้นตอนที่ 2 : Create buyer personas (สร้าง Buyer personas)

          ขั้นตอนที่ 3 : Set your goals (กำหนดวัตถุประสงค์)

          ขั้นตอนที่ 4 : Choose your Digital Marketing methods (เลือกวิธีการตลาดดิจิทัล)

          ขั้นตอนที่ 5 : Set your budget (ตั้งงบประมาณ)

          ขั้นตอนที่ 6 : Measure results (ประเมินผล)

5. อธิบายขั้นตอน Define your brand (กำหนดตัวตนของแบรนด์)

ตอบ. Define your brand (กำหนดตัวตนของแบรนด์)

        มุ่งสู่ความสำเร็จด้วยการใช้ Digital Marketing Plan คุณต้องกำหนดตัวตนของธุรกิจให้ชัดเจน สินค้าอะไรที่นำมาไว้แข่งกับคู่แข่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เข้าใจว่า ธุรกิจของคุณเป็นที่สนใจของตลาดสิ่งไหนคือเอกลักษณ์ของธุรกิจคุณสร้างจุดขาย Unique Selling Points (USPs) เพื่อที่จะให้ลูกค้าเข้าใจแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง

        ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสำคัญสำหรับธุรกิจคุณ แถมยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกทีม ข้อดีของ USPs คือภาพลักษณ์ของแบรนด์และทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจกับการแข่งขัน นอกเหนือจากจุดขายของคุณแล้ว คุณต้องการที่กำหนดตัวตนแบรนด์ โดยพันธกิจและคุณค่าจะกำหนดว่าตัวคุณจะทำอะไร สิ่งไหนคือแรงกระตุ้นให้ธุรกิจของคุณเริ่มต้นในทุกวันและมอบให้ลูกค้า

        หลาย ๆ คนกำหนดตัวตนแบรนด์โดยยึดจากพันธกิจและคุณค่า ยกตัวอย่างเช่น Tom’s บริษัทจำหน่ายรองเท้า มีวัตถุประสงค์ว่าหากมีการซื้อ-ขายสินค้าได้ในแต่ละครั้ง Tom’s จะบริจาครองเท้าให้กับคนที่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาด้วย ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ Tom’s สร้างแรงกระตุ้นให้คนซื้อสินค้าของพวกเขา เพราะรู้ว่าผลประโยชน์จากการซื้อรองเท้าคืออะไร พันธกิจของแบรนด์สร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าสนใจมากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการที่บรรลุแผนการตลาดดิจิทัล คุณต้องเริ่มที่กำหนดตัวตนของแบรนด์ มองหาจุดเด่น และเอกลักษณ์ของบริษัทให้เจอ

 6. อธิบายขั้นตอน Create buyer personas (สร้าง Buyer personas)

ตอบ. 1. การแยก Persona อย่างชัดเจน

ในการทำ Buyer Persona สิ่งที่จำเป็นอย่างแรกเลยคือการแยก Persona แต่ละอันของเราให้ได้ก่อน โดยเราจะเริ่มมองจากภาพใหญ่และค่อยๆลงลึกไปถึงรายละเอียดของมัน (ธุรกิจส่วนใหญ่มักมี Buyer Persona มากกว่า 1 อัน)

โดยผมจะยกตัวอย่างว่าเป็นธุรกิจที่มีโรงงานผลิตและจำหน่าย (ออนไลน์) ถุงเท้าสำหรับผู้ชาย และมีหลากหลายสีสันให้เลือก

และเนื่องจากองค์กรเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย ลูกค้าของพวกเขาก็จะมี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือ

    1. End Consumer – กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อนำไปใช้เอง หรือซื้อเพื่อเป็นของขวัญให้กับคนอื่น

    2. Wholesale Accounts – กลุ่ม Retailers ที่ซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่ออีกที เช่น เว็บไซต์ Wholesaler ที่ขายสินค้าหลากหลายประเภท และต้องการนำถุงเท้าของเราไปอยู่ในสต็อก  

ตอนนี้เราได้ออกมาแล้วสองกลุ่มใหญ่ๆ โดยเราจะลงลึกไปที่กลุ่ม End Consumer เพราะกลุ่มนี้สามารถแบ่งแยกออกได้เป็นหลายกลุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับขั้นตอนการทำ Persona ครับ

ขั้นตอนต่อไปนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าคุณ ในกรณีนี้เราจะแบ่ง End consumer ออกเป็น 2 กลุ่ม

    1. ผู้ชายที่ซื้อถุงเท้าเพื่อนำไปใช้เอง

    2. ผู้หญิงที่ซื้อไปเป็นของขวัญให้แฟนหรือสามีของพวกเขา

โอเคครับตอนนี้เราก็สามารถแบ่ง Buyer Persona ของเราได้ออกเป็น 2 อัน แล้ว ในหัวข้อถัดไปเราจะทำการเจาะลึกถึงข้อมูลของแต่ละ Persona กันครับ

2. เจาะลึกรายละเอียดของ Persona

หลังจากที่เราแบ่ง Persona ออกมาได้แล้ว เราจะเริ่มกำหนดรายละเอียดของ Persona กัน โดยการกำหนดนั้นเราจะอิงจากข้อมูลรีเสิร์ชต่างๆ เพื่อให้ Persona ของเรานั้นชัดเจนและเป็นไปได้มากที่สุด (ไม่ใช่การเดา) ดังนั้นธุรกิจของคุณจะต้องเริ่มดำเนินการมาแล้วระยะนึงแล้ว และมีการเก็บฐานข้อมูลของลูกค้ามาแล้ว

3. รวบรวมข้อมูล

จากที่เราได้ใช้เครื่องมือต่างๆ และวิเคราะห์ Persona จากการรีเสิร์ชเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเพื่อที่จะให้ Buyer Persona ของเราสมบูรณ์ คือการรวบรวมข้อมูล โดยเราจะใช้ตัวอย่าง “ผู้ชายที่ซื้อถุงเท้าเพื่อนำไปใช้เอง” ในธุรกิจขายถุงเท้าที่ได้อธิบายไปในขั้นตอนแรก สำหรับการทำ Buyer Persona 

  • Locations – Bangkok , Thailand
  • Age – 25 – 40
  • Gender – Male
  • Interests – Fitness and Wellness, Shopping and Fashion, Sports and Outdoors or Technology
  • Education Level – College Graduate
  • Job Title – Finance, Financial Advisor, Financial Analyst or Financial Adviser
  • Relationship Status – Single
  • Interested In – Women
  • Language – Thai/English
  • Buying Motivation – Wants to stand out in a boring workplace.
  • Buying Concerns – Price conscious.

 7. ข้อมูลสำคัญของ Buyer Personas

ตอบ. Buyer Personas คือกลุ่มลูกค้าในอุดมคติโดยแสดงแทนคุณสมบัติของคนที่คุณคิดว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะมาซื้อสินค้าและบริการของคุณ พวกเขาจะทำให้ลูกค้าในฝันที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จะทราบว่าใครจะซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์คุณ หากต้องการสร้าง Buyer Personas จะต้องเก็บข้อมูล ดังต่อไปนี้

- สถานที่

อายุ

รายได้

ตำแหน่งงาน

งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจ

เป้าหมายในชีวิต

8. อธิบายขั้นตอน Set your goals (กำหนดวัตถุประสงค์)

ตอบ. ก่อนที่เราลงมือทำธุรกิจอย่างจริงจังเราควรกำหนดวัตถุประสงค์ว่าใครคือลูกค้าของคุณก่อนซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดแคมเปญการตลาดนั้นมีประสิทธิภาพที่ทำให้ธุรกิจคุณโตขึ้นได้หรือไม่

        เมื่อคุณต้องการที่จะกำหนดวัตถุประสงค์นั้นต้องทราบว่าคุณต้องการจะบรรลุอะไร พวกเขาต้องวัดผลสิ่งที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้วัดผลง่ายกว่าเดิม

9. ประเภทของวัตถุประสงค์

ตอบ. วัตถุประสงค์ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ วัตถุประสงค์หลัก และวัตถุประสงค์รอง (วัตถุประสงค์รองของคุณควรจะช่วยสนับสนุนให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์หลัก) 

10.วิธีการจัดวัดผลการบรรลุวัตถุวัตถุประสงค์

ตอบ. ขั้นตอนสำคัญถัดไปนั่นก็คือการวัดผล เราจะวัดผลโดยใช้ที่มีชื่อว่า “SMART” 

SMART ย่อมาจาก :

- Specific (โดยเฉพาะ / เฉพาะเจาะจง)

- Measurable (วัดได้)

- Attainable (บรรลุ / สำเร็จได้)

- Relevant (เข้าประเด็น / เกี่ยวเนื่องกัน)

- Timely (ถูกเวลา)

 11. อธิบายขั้นตอน Choose your Digital Marketing methods (เลือกวิธีการตลาดดิจิทัล)

ตอบ. คุณต้องเลือกวิธีการการตลาดดิจิทัลที่เหมาะสมกับธุรกิจ คุณต้องทราบวัตถุประสงค์ของคุณคืออะไรขั้นตอนถัดไปคือคำนวณว่าช่องทางไหนจะช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ง่ายขึ้น

ตัวอย่างวิธีการการตลาดดิจิทัล ได้แก่ Search Engine Optimization (SEO),Pay-per-click (PPC) advertising,Content marketing,Email marketing,Social media marketing,Influencer marketing

        ตัวอย่างที่กล่าวมาคือช่องทางที่ทำให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อคุณเริ่มที่จะใช้แผนการตลาดดิจิทัล คุณต้องเลือกวิธีการที่เหมาะกับลูกค้าของคุณ

 12. ให้ยกตัวอย่างวิธีการการตลาดดิจิทัล

ตอบ.  ตัวอย่างวิธีการการตลาดดิจิทัล ได้แก่

- Search Engine Optimization (SEO)

- Pay-per-click (PPC) advertising

- Content marketing

- Email marketing

- Social media marketing

- Influencer marketing

13. อธิบายขั้นตอน Set your budget (ตั้งงบประมาณ)

ตอบ. งบประมาณคือส่วนสำคัญของแคมเปญ คุณต้องทราบว่าสามารถใช้เงินสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัลได้เท่าไหร่ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำ เมื่อคุณตั้งงบประมาณเสร็จแล้ว คุณต้องแบ่งและบริหารก้อนเงินในแต่ละช่องทางให้เหมาะสม และรู้ว่าควรเลือกใช้ช่องทางไหนถึงเหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะคิดว่า 15,000 บาทต่อแคมเปญนั้นเพียงพอที่จะทำแคมเปญ และอาจจะไม่ส่งผลลัพธ์เหมือนกันหากใช้เงินถึง 30,000 บาทในแคมเปญ เหมือนกัน เมื่อคุณรู้ว่าสามารถใช้งบประมาณได้เท่าไร คุณต้องทราบว่าควรใช้ในแต่ละช่องทางแค่ไหน คุณจึงจะสร้าง Digital Marketing Plan ได้ดียิ่งขึ้น

14. อธิบายขั้นตอน Measure results (ประเมินผล)

ตอบ. คุณควรมีกลยุทธ์สำหรับการวัดผลอยู่เสมอ ซึ่งมีความสำคัญที่จะกำหนดว่าธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จตามความพยายามหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะควบคุมผลลัพธ์เพื่อที่จะมั่นใจว่าแคมเปญที่ดีที่สุด คุณสามารถใช้ Key Performance Indicators (KPIs) เพื่อวัดความสำเร็จของแคมเปญ KPIs คือสถิติที่จะช่วยให้คุณรู้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้หรือไม่

        หากคุณไม่บรรลุวัตถุประสงค์ คุณสามารถใช้โอกาสในการเปลี่ยนโครงสร้างของแคมเปญใหม่เพื่อที่จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น คุณควรปรับเปลี่ยนหรือใช้กลยุทธ์อื่นที่ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ยิ่งขึ้น ถ้าหากบริษัทของคุณยังไม่มีแผนการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Plan) ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างเป็นของตัวเอง แต่ถ้าหากคุณอยากได้ผู้เชี่ยวชาญช่วยสร้างได้สำหรับแบรนด์ที่ต้องการปรับจาก Offline มาสู่ Online ต้องการคำแนะนำ ปรึกษาเราได้ FUSE by Sellsuki

 15. ให้ยกตัวอย่าง Digital Marketing Plan มาอย่างน้อย ตัวอย่าง

ตอบ. 


วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564

นางสาว ณิชมน รอดลา เลขที่ 11 ห้องสบท63.2

งานมอบหมายวันที่ 8 มกราคม 2564

เรื่อง การจัดการฐานข้อมูลลููกค้า

คำสั่ง ให้ค้นคว้าในหัวข้อต่อไปนี้ แล้วทำในบล๊อกเดิม เพิ่มหัวข้อรายการใหม่ แล้วส่งลิงค์ให้ทางไลน์กลุ่ม

1.      ความหมายของการจัดการฐานข้อมูลลูกค้า

ตอบ          การมีฐานข้อมูล และ บัญชีรายชื่อลูกค้า ที่เพียงพอและทันเหตุการณ์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำตลาดทางตรง เพราะกิจการจะไม่สามารถสื่อสารหรือเข้าใจถึงกลุ่มลูกค้าที่คาดหวังได้เลยหากปราศจากข้อมูลและบัญชีรายชื่อลูกค้า อีกทั้งความพยายามทั้งหมดก็เหมือนจะสูญเปล่าเพราะ ไม่สามารถส่งสินค้าไปให้ถึงมือผู้ต้องการได้ ฐานข้อมูลและบัญชีรายชื่อลูกค้ามีประโยชน์ในแง่ต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ใช้ช่วยในการกำหนดส่วนต่างของการตลาด การกำหนดยุทธ์ การตลาดทางตรงไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์การสร้างสรรค์งานโฆษณา กลยุทธสื่อ ตลอดจนใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่าง ๆ อีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตามการที่กิจการจะนำข้อมูล มาใช้ได้นั้นจะต้องเริ่มจากการจัดเก็บที่มีระบบ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างต็มที่

2.      วัตถุประสงค์ของการจัดการฐานข้อมูลลูกค้า

ตอบ         1. ทราบถึงความสำคัญของบัญชีรายชื่อของลูกค้า

                        2. ทราบถึงวิธีการเบื้องต้นในการจัดทำบัญชีรายชื่อของลูกค้า

                        3. เพื่อให้เข้าใจถึงประเภทของฐานข้อมูล

                        4. ให้ทราบถึงองค์ประกอบของฐานข้อมูลลูกค้า

3.      วิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อลูกค้า (การได้มาซึ่งข้อมูลลูกค้า)

ตอบ          บัญชีรายชื่อลูกค้าทั่วไป ” หมายถึงรายชื่อลูกค้าที่เคยติดต่อกับกิจการอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งอาจจะเคยชื้อสินค้าหรือบริการหรือไม่ก็ตามการทำบัญชีรายชื่อแบบนี้สามารถทำได้หลายวิธีเช่น
            1.เชิญลูกค้ากรอกบัตรรายชื่อ การสอบถามชื่อ-สกุล ที่อยู่ของลูกค้า โดยเตรียมบัตรสำหรับกรอก ชื่อ-ที่อยู่ ของลูกค้าไว้ก่อน ในขณะที่ขายสินค้าหรือ ลูกค้าติดต่อมาก็ส่งบัตรรายชื่อให้กรอก พร้อมเหตุผล เช่น เพื่อแจ้งข่าวสารการลดราคา เพื่อให้บริการหลังการขาย หรือ เพื่อจัดทำบัตรส่วนลด บัตรสมาชิกให้ในภายหลัง จะช่วยให้ลูกค้ายินดีที่จะให้ข้อมูลยิ่งมากขึ้นหรืออาจมีแบบฟอร์มให้ลูกค้าที่สนใจซื้อกรอกข้อมูลพร้อมการสั่งซื้อจากสื่อต่างๆ
            2.สอบถามจากลูกค้าโดยตรง กิจการอาจใช้วิธีให้พนักงานขายเป็นผู้กรอก โดยสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากลูกค้าแต่พนักงานขายจะต้องชี้แจงก่อนเสมอโดยทางพนักงานขายหรือพนักงานรับโทรศัพท์เป็นผู้กรอกบัตรรายชื่อเอง

3.รวบรวมรายชื่อจากงานแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ ผู้เข้าชมงานนิทรรศการหรืองานแสดงสินค้าต่าง ๆ ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความสนใจ การจะได้ข้อมูล ของคนกลุมนี้ อาจต้องมีการจัดตั้งโต๊ะพิเศษ พร้อมเขียนประกาศแจ้งให้กรอกชื่อและที่อยู่ เพื่อทางกิจการจะได้ส่งของรางวัลบางอย่างไปให้ หรือเพื่อจับฉลากชิงโชครางวัล จะช่วยให้คนกลุ่มนี้ยินดีกรอกรายละเอียด

4.ใช้วิธีบริการหลังการขาย สินค้าบางประเภทต้องมีบริการหลังการขาย โดยทั่วไปจะมีบัตรรับประกันสินค้าด้วย ซึ่งลูกค้ามักจะยินดีกรอกรายละเอียดทุกอย่างอยู่แล้ว จึงเป็นฐานข้อมูลที่ดีและรายละเอียดมากกว่าบัตรของลูกค้าที่แสดงข้างต้นส่วนรายละเอียดที่จำเป็นที่ควรจะได้จากลูกค้าจะได้กล่าวถึงในหัวข้อถัดไป

5.ใช้ประโยชน์จากใบส่งของขวัญในช่วงเทศการหรือวาระพิเศษบางคนอาจนิยมสั่งซื้อสินค้าให้เป็นของขวัญแก่บุคคลอื่นโดยอาจจะมอบหมายให้ทางกิจการผู้จำหน่ายเป็นผู้จัดส่งให้ด้วยดังนั้นจึงควรถือโอกาสนี้ในการขอรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่อยู่ของผู้ซื้อและผู้รับไว้เพื่อเก็บเป็นหลักฐานข้อมูลและการจัดทำบัญชีรายชื่อลูกค้าต่อไป

6.ใช้ประโยชน์จากการส่งบัตรกำนัล หรือแบบสอบถาม ในกรณีที่มีการแจกบัตรลดราคา บัตรแลกตัวอย่างสินค้าฟรี หรือแบบสอบถามให้แก่ลูกค้าเมื่อลูกค้านำบัตรเหล่านั้นมาใช้บริการทางกิจการควรบันทึกชื่อ-ที่อยู่ของลูกค้าไว้

7. อาศัยบัตรเครดิต เมื่อลูกค้าชำระค่าสินค้าหรือบริการ ทางกิจการก็สามารถจดชื่อที่อยู่ของลูกค้าไว้

8.อาศัยลูกค้าแนะนำ เมื่อมีลูกค้าประจำ อาจขอให้ลูกค้าแนะนำชื่อ-ที่อยู่ของบุคคลใกล้ชิดของลูกค้าที่คิดว่าน่าจะสนใจสินค้าหรือบริการของทางกิจการให้ หรืออาจสร้างสิ่งจูงใจให้เกิดการแนะนำรายชื่อให้กิจการ เช่นหากลูกค้าได้รับแคตตาล็อกของกิจการแนะนำชื่อ-ที่อยู่ ของเพื่อนมาได้ 4 รายชื่อจะมีของสัมนาคุณส่งให้ถึงบ้านฟรี เป็นต้น ( Member get Member )

4.      ประโยชน์ของการจัดการฐานข้อมูลลูกค้า

ตอบ             ประโยชน์ของฐานข้อมูลลูกค้าฐานข้อมูลลูกค้าสำหรับการตลาดทางตรงแล้วจะช่วยให้กิจกรรมต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น
                  1. การระบุถึงลูกค้ากลุ่มที่ทำกำไรได้มาก 
                  2. สามารถช่วยทำให้ธุรกิจอื่น ๆ กับกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ได้ 
                  3. สามารถระบุและคัดเลือกลูกค้าที่มุ่งหวังได้ชัดเจนมากขึ้น 
                  4. ช่วยกำหนดกลยุทธ์ที่จะเปลี่ยนลูกค้าที่มุ่งหวังให้เป็นลูกค้าของกิจการ 
                  5. กระตุ้นให้ลูกค้ามีกิจกรรม 
                  6. ใช้ช่วยในการพัฒนาการส่งเสริมการตลาดที่เหมาะสมได้ 
                  7. ใช้ช่วยระบุโอกาสใหม่ ๆ ทางการตลาด 
                  8. พัฒนากลยุทธ์ที่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ 
                  9. วัดประสิทธภาพของโฆษณาและการส่งเสริมการตลาด 
                  10. ลดการสูญเสียและเพิ่มผลผลิต 
                  11. ประเมินผลสำเร็จของช่องทางที่ใช้ 
                  12. ลดต้นทุน และเพิ่มปริมาณการขาย เป็นต้น
 

5. ยกตัวอย่างของฐานข้อมูลลูกค้าในชีวิตประจำวัน เช่น

5.1 Tesco lotus

ตอบ    

5.2 ห้างสรรพสินค้า เช่น Central

ตอบ    


5.3 บัตรเครดิต  

ตอบ   

5.4 Shoping online เช่น Lazada

ตอบ


5.5 บริษัทประกันต่างๆ

ตอบ    



6. ยกตัวอย่างโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูลลูกค้า

6.1 โปรแกรมทำอะไรได้บ้าง

ตอบ    


โปรแกรม  Microsoft  SQL  Server

เป็น RDBMS  ระดับ  Database  Sever  อีกตัวหนึ่ง  ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคปัจจุบัน  และถือเป็นซอฟแวร์ของไมโครซอฟต์ตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี .NET เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถนำเสนอข้อมูลออกมาใช้กับ Application ของ Windows หรือผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น  โดยทั่วไป MS-SQL Server  จะทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows2000, 2003 Server  เพื่อที่จะใช้ MS-SQL Server เป็นฐานข้อมูลในการทำระบบ ไคลเอนท์/เซอร์ฟเวอร์

 

6.2 ความต้องการของระบบที่ใช้งานโปรแกรม (hardware ,software ,os)

ตอบ     โปรแกรม  Microsoft  SQL  Serverใช้เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่มีอยู่บนเครื่องให้พอกับความต้องการอย่างต่ำของ SQL Server เสียก่อน เช่น ขนาดหน่วยความจำของเครื่อง เนื้อที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น รวมทั้งชนิดของ OS หรือ เวอร์ชั่นของ Internet Explorer สำหรับแผ่นซีดีที่ใช้ติดตั้ง SQL Server นั้นสามารถนำไปติดตั้งได้ทั้งเครื่องที่จะเป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็ให้เลือก ออปชั่น Server Components ได้ (Server Components คือโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานหลัก ๆ ของ SQL Server รายละเอียดของคอมโพเนนต์ต่าง ๆ จะได้กล่าวต่อไป)

7. ยกตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลลูกค้า (หากต้องการเขียนเอง)

ตอบ    

AquaCRM Software คือ ระบบที่สนับสนุนธุรกิจในส่วนของการขายและการตลาด จัดเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระเบียบ บันทึกทุกช่องทางการติดต่อ รายงานการทำงานของเซลล์ นำข้อมูลมาวิเคราะห์และสร้างโอกาสขาย ทำใบเสนอราคา อีกทั้งยังสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ ที่มีในระบบมาสร้างรายงานได้ นอกจากนี้ยังสามารถ Customize ระบบเพื่อให้ตอบสนองความต้องการใช้งานของลูกค้าให้ได้มากที่สุดอีกด้วย

8. ข้อมูลลูกค้าที่บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ต้องการจัดเก็บมีอะไรบ้าง (เช่น ชื่อลูกค้า เป็นต้น)

ตอบ     ติดต่อกับลูกค้าและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า (Leads) ได้แบบเรียลไทม์และในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะทั้งทางอีเมล โทรศัพท์ แชทสด และแม้แต่ทางโซเชียลมีเดีย อีกทั้งมี SalesSignals ที่จะช่วยแจ้งเตือนให้คุณทราบ เมื่อมีผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ากำลังเข้ามาชมเว็ปไซต์ของคุณ อ่านอีเมลแคมเปญของคุณ หรือว่ากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณผ่านทางโซเชียลมีเดีย

1.SalesSignalsนำช่องทางการติดต่อลูกค้าทั้งหมดของคุณมาจัดไว้ในที่เดียว และจัดเรียงตามไทม์ไลน์ เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ทุกราย

2.Emailดูอีเมลของคุณที่จัดเรียงตามกระบวนการของงาน CRM และตอบสนองต่อลูกค้าที่สำคัญที่สุดด้วย Zoho SalesInbox

3.Telephonyทำการขายทางโทรศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการต่อลูกค้าทางโทรศัพท์ภายใน CRM เพียงคลิ๊กเดียว

4.Socialทำความเข้าใจว่าผู้คนพูดถึงแบรนด์ของคุณอย่างไร และดึงลูกค้าเป้าหมายจากโซเชียลมีเดียเข้าสู่ CRM ของคุณ

5.Live Chatเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นยอดขาย เริ่มการแชทสดกับผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อดูว่าพวกเขามาจากที่ไหน กำลังมองหาสิ่งใด และเป็นลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่

6.Portalsให้ลูกค้า ผู้ขาย และคู่ค้าของคุณเข้าถึงข้อมูลการซื้อสินค้า เคสปัญหา และใบแจ้งหนี้ ทางพอร์ทัลที่แตกต่างกันออกไป

9. ให้แคปเจอร์หน้าจอ การจัดเก็บข้อมูลลูกค้าของร้านค้าออนไลน์ อย่างน้อย 10 แห่ง ตัวอย่างเช่น Lazada ดังรูป

ตอบ    


1.       https://www.uniqlo.com/th/store/customer/account/login



2.       https://shopee.co.th/buyer/login/signup?gclid=CjwKCAiAudD_BRBXEiwAudakXxnGGI3KckwglTbOr9b_hbl96B9thCLydLfA5_VMiXgNNYhu3l6WcRoC_X0QAvD_BwE&next=https%3A%2F%2Fshopee.co.th%2F%3Fgclid%3DCjwKCAiAudD_BRBXEiwAudakXxnGGI3KckwglTbOr9b_hbl96B9thCLydLfA5_VMiXgNNYhu3l6WcRoC_X0QAvD_BwE

 


3.       https://secure4.store.apple.com/th/shop/signIn?c=aHR0cHM6Ly9zdXBwb3J0LmFwcGxlLmNvbS90aC10aHwxYW9zNTA1Zjk1ZjE4ZTZhMjUzMTQwMDQ3YWM4Njg0MzBhNzQ0MGFkNWI5MQ&r=SCDHYHP7CY4H9XK2H&s=aHR0cHM6Ly9zdXBwb3J0LmFwcGxlLmNvbS90aC10aHwxYW9zNTA1Zjk1ZjE4ZTZhMjUzMTQwMDQ3YWM4Njg0MzBhNzQ0MGFkNWI5MQ 

 

 

4.       https://www.tops.co.th/th/registration



5.       https://www.7eleven.co.th/register